ส่งคืนเเหล่งน้ำ

735

“คืนกุ้งก้ามกรามสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง” สร้างแหล่งอาหาร เเละรายได้ให้ชุมชน

กรมประมง…จัดกิจกรรม “คืนกุ้งก้ามกรามสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง” หนุนเพิ่มปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำ  สร้างแหล่งอาหาร และรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน

วันที่ 6 ธันวาคม 2563 เวลา 13.00 น. ณ บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดกิจกรรมปล่อยกุ้งก้ามกรามคืนสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา หนุนเพิ่มปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำ โดยปล่อยพันธุ์กุ้งก้ามกราม และพันธุ์สัตว์น้ำพื้นถิ่นที่เสี่ยงสูญพันธุ์ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง รวมกว่า 3.5 ล้านตัว เพื่อเป็นแหล่งอาหาร สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน ในโอกาสนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้เกียรติเป็นประธานการเปิดงาน โดยมีนายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง และนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับและร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ

นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า การเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหนึ่งในภารกิจหลักที่สำคัญของกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมุ่งสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้มีแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้เลี้ยงครัวเรือน พร้อมส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการทรัพยากร สัตว์น้ำโดยใช้หลักคืน คง เพิ่ม ภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน

สำหรับกิจกรรม “ปล่อยกุ้งก้ามกรามคืนสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติหลังจากที่ได้รับผลกระทบอุทกภัยเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี  โดยมีการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง ได้แก่ กุ้งก้ามกราม จำนวนมากถึง 1.5 ล้านตัว อีกทั้งยังมีการปล่อยพันธุ์ปลา 7 ชนิด ได้แก่ ปลากระแห ปลาสร้อยขาว ปลากาดำ ปลาตะเพียนทอง ปลาตะเพียนขาว ปลาสวาย ปลาโพง (บ้า) และมอบพันธุ์สัตว์น้ำให้แก่ประชาชนนำไปเลี้ยง ได้แก่ ปลาเกล็ดเงิน (ลิ่น) และปลายี่สกเทศ จำนวนรวมกว่า 2 ล้านตัว นอกจากนี้ ยังมีการปล่อยหอยขมอีกกว่า 300 กิโลกรัม เพื่อเสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่แหล่งน้ำ อีกด้วย

อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจข้อมูล ณ ปัจจุบัน พบว่า บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองมีชาวประมงทั้งหมด 209 ราย แบ่งเป็นผู้ที่ทำการประมงเป็นอาชีพหลัก 130 ราย และอาชีพรอง 79 ราย  และจากสถิติการจับสัตว์น้ำ ระหว่าง พ.ศ. 2558 – 2562 มีรายงานการจับสัตว์น้ำเฉลี่ย 332.94 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 142.5 ล้านบาทต่อปี โดยผลผลิตกุ้งก้ามกรามเป็นชนิดพันธุ์สัตว์น้ำที่สร้างมูลค่าได้มากที่สุด ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 2,694 มีมูลค่าประมาณ 1,311,560 บาท แต่ในปัจจุบันกลับพบว่าผลผลิตสัตว์น้ำเฉลี่ยมีปริมาณลดลงจากเดิม โดยเฉพาะกุ้งก้ามกรามและสัตว์น้ำเศรษฐกิจ

ดังนั้น การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ กรมประมงจึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถช่วยฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองให้กลับมาคงความอุดมสมบูรณ์ได้อีกครั้ง  ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างการประกอบอาชีพด้านการประมงและเพิ่มพูนรายได้ให้กับประชาชนและชาวประมงในพื้นที่ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างความสามัคคีให้แก่ชุมชนในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำร่วมกัน ตลอดจนได้ปลูกจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรประมงที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีผลผลิตที่ยั่งยืนตลอดไป อธิบดีกรมประมงกล่าว

กรมประมง ข่าว