การเตรียมการป้องกันและการบริหารจัดการภัยพิบัติในช่วงฤดูฝน ปี 2568 ด้วย 453 Model

4 ระยะการจัดการภัยพิบัติ ได้แก่
1. ระยะลดผลกระทบ (Mitigation) คือ การดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เป็นการให้ความรู้และปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติก่อนเกิดภัย เช่น การปรับผังการใช้ที่ดิน การทำคันกั้นน้ำ การเลือกชนิดพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่เสี่ยง
2. ระยะเตรียมความพร้อม (Preparedness) คือ การเตรียมปัจจัยการผลิต การทำบัญชีสรรพกำลัง การสำรวจข้อมูลเกษตรกรกรในพื้นที่เสี่ยง และการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้างมีประสิทธิภาพ
3. ระยะตอบสนอง (Response) คือ การเผชิญเหตุ การสำรวจความเสียหายเบื้องต้น และการให้คำแนะนำแก่เกษตรกร
4. ระยะฟื้นฟู (Recovery) คือ การสำรวจความเสียหาย การปรับปรุงบำรุงดิน และการวางแผนฟื้นฟู หลังน้ำลด รวมถึงการเตรียมการเสนอเรื่องตามระเบียบกระทรวงการคลังอย่างรวดเร็วและถูกต้อง
5 กลุ่มพืชหลัก ได้แก่ พืชไร่ พืชสวน พืชผัก พืชน้ำมัน และข้าว ซึ่งมีความเปราะบางและแนวทางจัดการความเสี่ยงที่แตกต่างกัน โดยต้องมีการวางแผนเฉพาะที่เหมาะสม
1. พืชไร่ (ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย) มีความเปราะบางสูงต่อการจมน้ำไม่ชอบน้ำขัง ระบบรากตื้น เสียหายง่ายจากน้ำหลาก ควรปรับผังที่ดินและเก็บเกี่ยวก่อนน้ำท่วม
2. พืชสวน/ไม้ผลยืนต้น (กล้วยน้ำว้า ส้ม ทุเรียน ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว) ทนน้ำท่วมได้ 2-3 วัน บางชนิด 7 – 9 วัน เสี่ยงโรครากเน่าโคนเน่า การจัดการดินและการดูแลระบบรากรวมทั้งการใช้สารชีวภัณฑ์เป็นสิ่งที่สำคัญ
3. พืชผัก มีความเปราะบางสูงเน่าเสียเร็ว (1 – 2 วัน) เสี่ยงต่อการปนเปื้อน แต่ฟื้นตัวสร้างรายได้กลับมาได้เร็วการเตรียมพันธุ์และวัสดุปลูกปลอดเชื้อเป็นสิ่งที่สำคัญ พืชน้ำมัน (ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วเขียว) ทนต่อน้ำท่วมได้ต่างกันตามชนิด ควรมีการตรวจสอบทางระบายน้ำและการใช้เครื่องสูบน้ำ
4. ข้าว มีความเปราะบางต่างกันตามช่วงอายุ ต้นเตี้ยเสี่ยงจมน้ำสูงกว่าต้นสูง การระบายน้ำออกจากนาข้าวสำคัญและควรมีการวางแผนร่วมกับกรมชลประทาน
3 เครื่องมือสำคัญ ได้แก่
1. แผนที่ความเสี่ยง (Risk Map / Flood Map) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่พื้นที่ต้องจัดทำ โดยมีความลึกของชั้นข้อมูล ทำให้สามารถบริหารจัดการน้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อมโยงกับข้อมูลเกษตรกรรายแปลงได้
2. ระบบเตือนภัยและช่องทางการสื่อสาร คือ การแจ้งเตือนล่วงหน้าโดยแปลข้อมูลทางวิชาการให้เกษตรกรเข้าใจง่ายซึ่ง ควรใช้ช่องทางที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ
3. การมีส่วนร่วมของเกษตรกรในมาตรการเชิงพื้นที่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะลดความสูญเสียและเร่งการฟื้นตัวจากอุทกภัย







