วัสดุเหลือทิ้งจากกาแฟ สู่ปุ๋ยหมักรักษ์โลก

การบริโภคกาแฟสร้างวัสดุเหลือทิ้งในปริมาณมาก โดยในประเทศไทยที่มีการบริโภคกาแฟเฉลี่ยวันละ 1.5 แก้วต่อคน ทำให้แต่ละคนสร้างกากกาแฟมากถึง 16.5 กรัมต่อวัน พฤติกรรมการบริโภคกาแฟที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้คนไทยหันมาชงกาแฟดื่มเองที่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้มีกากกาแฟและวัสดุเหลือทิ้งจากกาแฟในครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น
สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟและผู้ประกอบกิจการด้านกาแฟ วัสดุเหลือทิ้งจากกระบวนการแปรรูปกาแฟ มีปริมาณมหาศาล ทั้งเปลือกเซอร์รี่ (Pulp) และเปลือกกะลากาแฟ (Parchment) ซึ่งหากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม วัสดุเหลือทิ้งเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ทั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการย่อยสลาย และการปนเปื้อนในแหล่งน้ำ
แทนที่จะทิ้งกากกาแฟและเปลือกกาแฟให้เป็นขยะทำลายสิ่งแวดล้อม เรามาเปลี่ยนให้เป็นทรัพยากรมีค่าด้วยการนำไปทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ช่วยเพิ่มสารอาหาร ปรับโครงสร้างดิน ลดการใช้ปุ๋ยเคมี และลดปริมาณขยะอินทรีย์ที่ถูกทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์
การใช้ประโยชน์ จากวัสดุเหลือทิ้งจากกาแฟสำหรับครัวเรือน
การทำปุ๋ยจากกากกาแฟ
- ผสมกากกาแฟกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ใส่ต้นไม้ประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- หมักกากกาแฟกับน้ำหมักชีวภาพ ทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ จะได้ปุ๋ยกากกาแฟที่พร้อมใช้
- ผสมกากกาแฟกับเปลือกไข่บด คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใช้โรยรอบต้นไม้เพื่อป้องกันแมลงและศัตรูพืช
ข้อควรระวัง
ควรใช้กากกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจาก
- กากกาแฟมีคาเฟอีนและแทนนินที่อาจยับยั้งการงอกของเมล็ด และการเจริญเติบโตของต้นอ่อน
- กากกาแฟมีฤทธิ์เป็นกรด ไม่ควรใช้กับพืชที่ไม่ชอบดินเป็นกรด
- กากกาแฟมีความละเอียด การใส่มากเกินไปอาจทำให้จับตัวแน่น ขัดขวางการระบายน้ำและอากาศในดิน
- ควรสังเกตการตอบสนองของพืชหลังใส่ปุ๋ยกากกาแฟ หากพบว่าใบเหลืองหรือเหี่ยว ควรลดปริมาณหรือหยุดใช้
ที่มา : วารสารส่งเสริมการเกษตร






