สหกรณ์ฯ ร่วมมือด้านคาร์บอนเครดิตกับเครือข่าย

332

กรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาโครงการด้านคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้และการเกษตรและพลังงานหมุนเวียนกับกลุ่มสหกรณ์และเกษตรกร ในเครือข่ายธุรกิจบางจากและพันธมิตร

วันที่ 23 สิงหาคม 2566 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาโครงการด้านคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้และการเกษตรและพลังงานหมุนเวียนกับกลุ่มสหกรณ์และเกษตรกร ในเครือข่ายธุรกิจบางจากและพันธมิตร โดยมี นายสันทาน สีสา ผู้อำนวยการกองพัฒนาสหกรณ์ภาคการเกษตรและกลุ่มเกษตรกร นางสาวอุบลวรรณ พัฒนาลาภ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ นายประเสริฐ ตรงเจริญเกียรติ ประธานสายปฏิบัติการ/ธุรกิจเพื่อสังคม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายชาญวิทย์ ตรังอดิศัยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการลงทุน บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงฯ นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บมจ.บางจากฯ และคณะผู้แทนแต่ละหน่วยงาน เข้าร่วมพิธี ณ ห้องประชุมใบไม้ 1 – 3 อาคารเอ็มทาวเวอร์ ชั้น 8 บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนสุขุมวิท เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์

ในการนี้ อธิบดีฯ กล่าวว่า “กรมส่งเสริมสหกรณ์ และบางจาก มีความร่วมมือกันมายาวนานกว่า 33 ปี เพื่อส่งเสริม สนับสนุนสหกรณ์ และสมาชิกสหกรณ์ให้มีรายได้ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันนานาประเทศให้ความสำคัญต่อการสร้างความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม คาร์บอนเครดิตเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกและลดปัญหาโลกร้อน โดยนอกจากป่าไม้หรือพืชเกษตรยืนต้นจะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ยังมีคาร์บอนเครดิตที่มีมูลค่าสามารถสร้างรายได้ สำหรับประเทศไทย ภาครัฐและเอกชนให้ความสำคัญเรื่องคาร์บอนเครดิตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับกระแสการลดก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกต้องเผชิญกับสถานการณ์ภาวะโลกร้อน และเป็นหนทางที่จะนำพาธุรกิจสู่ความยั่งยืน กรมส่งเสริมสหกรณ์มีความยินดีที่จะได้ร่วมสนับสนุน ส่งเสริมการดำเนินโครงการในระดับพื้นที่ รวมถึงร่วมประชาสัมพันธ์ สนับสนุนข้อมูล ความรู้เงินทุน และบุคลากร ฯลฯ นอกจากนี้ จะศึกษาโอกาสที่จะขยายผลสู่สหกรณ์อื่น ๆ ในอนาคต จะเป็นการช่วยให้สหกรณ์ได้ใช้พลังงานสะอาด ลดค่าใช้จ่าย และดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ นอกจากจะช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตคาร์บอนต่ำผ่านกลไกคาร์บอนเครดิตในภาคการเกษตรแล้ว ยังเป็นการตอบสนองต่อนโยบาย BCG Economy เป็นอย่างดีอีกด้วย”

     สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลง “การพัฒนาโครงการด้านคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ การเกษตรและพลังงานหมุนเวียนกับกลุ่มสหกรณ์และเกษตรกรในเครือข่ายธุรกิจบางจากฯ และพันธมิตร” เป็นการสนับสนุนความร่วมมือ ประชาสัมพันธ์ ส่งเสริม แลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ เทคโนโลยี บุคลากร กระบวนการจัดการในโครงการด้านคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ การเกษตรและพลังงานหมุนเวียนกับกลุ่มสหกรณ์และเกษตรกรในเครือข่ายธุรกิจบางจากฯ และพันธมิตร ให้สอดคล้องกับโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) ผ่านกิจกรรมในแปลงพืชเกษตรยืนต้น ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ไม้ผล เป็นต้น และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้เองเพื่อลดต้นทุนทางการผลิต สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด สร้างมูลค่าเพิ่มและคุณค่าร่วมจากกระบวนการคาร์บอนเครดิตที่เกิดขึ้น

ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดเรื่องคาร์บอนเครดิตในภาคการเกษตรและจากพลังงานหมุนเวียน จากการที่สหกรณ์การเกษตรผู้ดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมันชุมชนของบางจากฯ ส่วนหนึ่งประกอบธุรกิจพืชเกษตรยืนต้น โดยมีการดูแลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว รวมถึงผู้ประกอบการสหกรณ์การเกษตรจำนวนมาก ต้องการปรับเปลี่ยนมาผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้เองเพื่อลดต้นทุนทางการผลิตและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด บางจากฯ จึงเห็นเป็นโอกาสดีที่จะสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร รวมถึงกลุ่มเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ โดยจะให้ความรู้เกี่ยวกับโลกร้อน การร่วมดำเนินโครงการคาร์บอนเครดิตจากพืชเกษตรยืนต้นกับบางจาก  หรือติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ โดยจะทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมพัฒนาโครงการและผู้ประสานงานหลัก สื่อสารประชาสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย สร้างความรู้ความเข้าใจ และร่วมสำรวจพื้นที่ ติดตามการดำเนินงานกับทีมงานจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์และบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) รวมทั้งการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อร่วมผลักดันโครงการให้ผ่านการขึ้นทะเบียนและการรับรองคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) อันเป็นการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการลงนามความร่วมมือในวันนี้ บางจากฯ และพันธมิตรจะจัดทำโครงการ “พรรณ D” คาร์บอนเครดิตจากพืชเกษตรยืนต้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ และติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับใช้ในภาคธุรกิจผ่านออมสุขวิสาหกิจเพื่อสังคม ร่วมกับเครือข่ายสหกรณ์การเกษตรที่สนใจจะร่วมโครงการ โดยได้นำร่องสำรวจความต้องการของสหกรณ์การเกษตรมาระยะหนึ่งแล้ว พร้อมเริ่มโครงการทั้ง 2 ในเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป

กรมส่งเสริมสหกรณ์ ข่าว