เเนะดูแลพืชช่วงปลายฝน

873

เกษตรฯ แนะจัดการพื้นที่และดูแลพืชช่วงปลายฝน ป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากพายุฝน

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้มีการพยากรณ์ว่าช่วงปลายเดือนกันยายนจะมีพายุฝนพัดเข้าสู่ประเทศไทยอย่างน้อย 1 ลูก นับตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน เป็นต้นไป จะส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักได้ในหลายพื้นที่ รวมทั้งกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ออกประกาศ เรื่องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม น้ำล้นทางระบายน้ำ ล้นอ่างเก็บน้ำ และล้นตลิ่ง เนื่องจากอิทธิพลจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลาง  ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งกำลังแรงบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง มีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศเวียดนามตอนล่างและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวตอนกลาง ในช่วงวันที่ 20-25 กันยายน 2564 ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก มีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพราะอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทางการเกษตรได้ในช่วงนี้

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร

กรมส่งเสริมการเกษตร จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องเกษตรกรให้เตรียมการป้องกันความเสี่ยงจากน้ำท่วมขังและความชื้นสูงที่อาจส่งผลให้พืชผลเสียหายได้ พร้อมทั้งแนะนำให้เกษตรกรจัดการพื้นที่ในช่วงปลายฤดูฝน โดยมีวิธีการจัดการพื้นที่ ดังนี้ 1) เตรียมการระวังป้องกัน เพื่อหาแนวทางระบายน้ำออกจากแปลงเพาะปลูก 2) หากมีน้ำท่วมขังให้ระบายออกโดยเร็ว และไม่ให้รากพืชกระทบกระเทือน 3) ปรับปรุงโครงสร้างดินให้ระบายน้ำได้ดีขึ้นด้วยปุ๋ยอินทรีย์ และ 4) ใช้โอกาสนี้แบ่งพื้นที่สร้างแหล่งเก็บน้ำในไร่นา (หากทำได้)

นอกจากนี้ ด้านการดูแลรักษาพืชเพื่อไม่ให้มีความชื้นสูงเกินไป เกษตรกรควรปฏิบัติ ดังนี้ 1) นาข้าว ให้พร่องน้ำในพื้นที่นาไม่ให้มีน้ำมากเกินความจำเป็น 2) พืชไร่ พืชผัก  ควรให้หน้าดินบนแปลงราบเรียบหรือเป็นหลังเต่า ไม่ให้น้ำขัง 3) ไม้ผล ควรให้ดินโคนต้นเป็นหลังเต่าหรือยกสูงขึ้น งดการพรวนดิน การกำจัดวัชพืชให้ใช้วิธีการตัด หากมีน้ำท่วมขังห้ามเข้าไปเหยียบย่ำบริเวณโคนต้น 4) ทำให้แสงแดดส่องถึงโคนต้นพืช ส่วนการใช้วัสดุคลุมดินต้องไม่แน่นทึบและเว้นระยะบริเวณโคนต้นไว้โดยไม่ให้วัสดุคลุมดินปิดชิดโคนต้น 5) ควรมีการตัดแต่งกิ่งให้ทรงพุ่มโปร่ง และให้แปลงเพาะปลูกมีอากาศถ่ายเทดี ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้านท่าน

ส่งเสริมการเกษตร ข่าว